บริษัทยังคงมั่นใจว่า บริษัทจะรักษาความเป็นผู้นำอันดับ 1 ในด้านผลการดำเนินงานในธุรกิจบริหารหนี้สาหรับหนี้ด้อยคุณภาพประเภทไม่มีหลักประกัน
บริษัทจะดำเนินธุรกิจอย่างมืออาชีพ และพัฒนาความสามารถขององค์กรอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับนโยบายความรับผิดชอบต่อสังคม

ในปี 2563 ที่ผ่านมา ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของ โคโรน่าไวรัส 19 ถือเป็นปีที่บริษัท มีผลการดำเนินงานที่ดีและทำสถิติสูงสุดได้เป็นปีที่ 4 ต่อเนื่อง ทั้งในด้านการจัดเก็บที่มียอดจัดเก็บกระแส เงินสดเท่ากับ 3,704 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 15 จากปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลจากประสิทธิภาพการจัดเก็บที่ดีขึ้น และศักยภาพของกองหน้าที่บริษัทได้เข้าลงทุนในช่วงที่ผ่านมาทั้งนี้ บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,047 ล้านบาท เติบโตจากปี 2562 ร้อยละ 54 ซึ่งเป็นยอดกำไรสุทธิสูงที่สุดของบริษัทตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท

เป็นที่ทราบกันอย่างดีว่าในปี 2563 ที่ผ่านมา การแพร่ระบาดของ โคโรน่าไวรัส 19 ดังกล่าว ทำให้เกิดความเปราะบางของสภาวะหนี้สินครัวเรือน ได้รับผลกระทบจากสภาวะการจ้างงานที่หดตัวลง และในบางธุรกิจต้องปิดตัวลง ทำให้มีแนวโน้มของหนี้สินภาคครัวเรือน ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นของปริมาณหนี้ด้อยคุณภาพดังกล่าว เปิดโอกาสให้กับบริษัทบริหารสินทรัพย์ในการเข้าประมูลซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเพิ่มขึ้น ซึ่งในปี 2564 บริษัทคาดว่าปริมาณหนี้ด้อยคุณภาพจะยิ่ง มีโอกาสเพิ่มขึ้น ซี่งบริษัทได้เตรียมงบประมาณ ไว้ซื้อหนี้ด้อยคุณภาพดังกล่าวไว้แล้วอย่างเพียงพอ และปี 2564 นี้ บริษัทยังคงมั่งใจว่าบริษัทจะรักษา ความเป็นผู้นำอันดับ 1 ในด้านผลการดำเนินงานในธุรกิจบริหารหนี้สำหรับหนี้ด้อยคุณภาพประเภทไม่มีหลักประกัน (Unsecure Loan)

โอกาสนี้ บริษัทขอขอบพระคุณ ท่านผู้ถือหุ้น ลูกค้า พันธมิตรทางธุรกิจ ฝ่ายบริหาร และพนักงาน ทุกท่าน ที่มีส่วนร่วมสำคัญในการสนับสนุนการดำเนินงานของบริษัท และขอยืนยันต่อทุกท่านว่า บริษัทจะดำเนินธุรกิจอย่างมืออาชีพ และพัฒนาความสามารถขององค์กรอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับนโยบายความรับผิดชอบต่อสังคม ดำรงตนเป็นแบบอย่างที่ดีต่อสังคม เพื่อให้คนในสังคมมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นตลอดไป

นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา

ประธานคณะกรรมการบริษัท

นายสุทธิรักษ์ ตรัยชิรอาภรณ์

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร