คำถามที่พบบ่อย
JMT ประกอบธุรกิจหลักในการซื้อและบริหารหนี้ด้อยคุณภาพ (NPL) ทั้งที่มีหลักประกันและไม่มีหลักประกัน โดยรับโอนหนี้จากสถาบันการเงินและเจ้าหนี้รายอื่น และสร้างรายได้จากการติดตามหนี้ การบริหารสินทรัพย์ และการปรับโครงสร้างหนี้
จุดเด่นของ JMT คือการเน้นบริหารหนี้ไม่มีหลักประกัน ซึ่งต้องใช้ระบบติดตามหนี้ที่มีประสิทธิภาพ การวิเคราะห์ข้อมูล และกระบวนการทางกฎหมายที่เข้มแข็ง พร้อมด้วยประสบการณ์ยาวนานในตลาด NPL ของไทย
JMT มีการบันทึกค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) อย่างระมัดระวังตามมาตรฐาน IFRS 9 โดยมีการติดตามผลการติดตามหนี้และแนวโน้มการฟื้นตัวอย่างใกล้ชิด เพื่อปรับค่าเผื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจ
กลยุทธ์ของ JMT มุ่งเน้นการซื้อพอร์ตหนี้ที่ให้ผลตอบแทนสูงและมีความเสี่ยงที่สามารถบริหารได้ โดยเน้นหนี้ไม่มีหลักประกันของผู้บริโภค และหนี้มีหลักประกันวงเงินขนาดเล็ก โดยมีการคัดเลือกอย่างรอบคอบจากสถาบันการเงิน
แนวโน้มของ JMT ในช่วง 1–3 ปีข้างหน้าคือการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากการซื้อหนี้อย่างต่อเนื่อง การใช้เทคโนโลยีในการติดตามหนี้ และการสร้าง Synergy จาก Ecosystem ของกลุ่มเจมาร์ท พร้อมทั้งขายการลงทุนในหนี้ที่ไม่มีหลักประกัน เป็นหลัก
JMT มีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิหลังหักทุนสำรองตามกฎหมาย โดยการจ่ายปันผลขึ้นอยู่กับผลประกอบการ กระแสเงินสด และแผนการลงทุนในอนาคต
ระดับหนี้ครัวเรือนที่สูงในประเทศไทยส่งผลให้มี NPL ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นโอกาสในการซื้อพอร์ตหนี้ของ JMT อย่างไรก็ตาม บริษัทก็ติดตามพฤติกรรมผู้บริโภคและความเสี่ยงทางเศรษฐกิจอย่างรอบคอบ