“เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์คฯ” ซื้อหนี้สินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์จาก “ธนบรรณ” มูลค่า 1,222 ล้านบาท แถมอยู่ระหว่างเดินหน้าลุยซื้อหนี้เข้าพอร์ตเพิ่มอย่างต่อเนื่องเพื่อเสริมความแข็งแกร่ง จากต้นปีที่ผ่านมา ซื้อหนี้ไปแล้วราว 7 พัน ลบ. ปัจจุบันรอเซ็นสัญญาซื้อหนี้เพิ่มอีก 3 ดีล หนุนเป้าหมายการซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารในปีนี้เพิ่มอีก 1 หมื่นล้านบาท ได้สำเร็จ “ปิยะ พงษ์อัชฌา” แม่ทัพใหญ่ส่งสัญญาณ ผลงานปี 57 มีแนวโน้มจะเติบโตโดดเด่น จากการรับรู้รายได้หนี้ก้อนโตทั้ง 100% หลังหักต้นทุนเสร็จแล้ว

นายปิยะ พงษ์อัชฌา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT ผู้ประกอบธุรกิจให้บริการติดตามเร่งรัดหนี้ บริหารหนี้ด้อยคุณภาพ และให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์มือสองระดับแนวหน้าของไทย เปิดเผยว่า ล่าสุด บริษัทฯ ได้ลงนามในสัญญาโอนสิทธิเรียกร้องในหนี้ด้อยคุณภาพ ของสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ กับ บริษัท ธนบรรณ จำกัด (บริษัทในเครือธนาคารไทยเครดิตเพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน)) โดยสัญญามีมูลค่าหนี้คงค้างตามสิทธิ 1,222 ล้านบาท เข้ามาสนับสนุนเป้าหมายการซื้อหนี้ด้อยคุณภาพมาบริหารเพิ่มอย่างต่อเนื่องได้สำเร็จ

“การซื้อหนี้สินเชื่อเช่าซื้อจักรยานยนต์ในครั้งนี้ 1,222 ล้านบาท มองว่าโอกาสเข้าไปซื้อหนี้ประเภทสินเชื่อจักรยนต์ยังมีอีกมาก ซึ่งปัจจุบัน บริษัทฯ มีพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ และรถจักรยานยนต์อยู่ที่ 18% ส่วนที่เหลือเป็นพอร์ตสินเชื่อส่วนบุคคล และคาดว่าในปี 2557 สัดส่วนพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ และรถจักรยานยนต์จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง” นายปิยะกล่าว

นายปิยะ กล่าวอีกว่า ภาพรวมตลาดสินเชื่อในช่วงที่เหลือของปีนี้ยังมีแนวโน้มเติบโตที่ดีจากปัจจัยภายนอกต่างๆ เข้ามาสนับสนุน ทั้งจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมในประเทศ, นโยบายและโครงการต่างๆ ของภาครัฐบาล, การแข่งขันทางด้านการตลาดของสถาบันการเงินในการปล่อยสินเชื่อ และกำลังการผ่อนชำระของลูกค้าที่ผ่อนรถคันแรกไม่ไหว รวมถึงกลุ่มรถจักรยานยนต์ สนับสนุนให้มีหนี้ต่างๆ ในระบบเพิ่มขึ้น และเป็นโอกาสให้บริษัทฯ ให้เข้าไปซื้อหนี้เพิ่มได้อย่างต่อเนื่อง หลังจากที่บริษัทฯ ได้เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งส่งผลให้ธุรกิจมีภาพลักษณ์ที่ดีขึ้น และเสริมความมั่นใจของสถาบันการเงินต่างๆ ในการตัดสินใจขายหนี้แก่บริษัทฯ มากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมา สถาบันการเงินยังมีการนำหนี้ออกมาจำหน่ายแก่ผู้ประกอบการที่มีความถนัดด้านการติดตามเร่งรัดหนี้ไม่มากนัก แต่จะเริ่มนำออกมาขายมากขึ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้จะเป็นโอกาสของบริษัทฯ ให้เข้าไปซื้อหนี้ดังกล่าวเข้ามาบริหารมากขึ้นเช่นกัน อีกทั้งหนี้ที่ถูกฟ้องร้องดำเนินคดีตามกฎหมายแล้วก็เป็นโอกาสของบริษัท บริหารสินทรัพย์ เจ จำกัด (JAM) ที่เริ่มมีการศึกษา และกำลังตัดสินใจซื้อหนี้ในประเภทนี้เข้ามาเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ซื้อหนี้ด้อยคุณภาพมาบริหารแล้วราว 7 พันล้านบาท และในไตรมาสสุดท้ายของปีบริษัทฯ ยังเดินหน้าซื้อหนี้ด้อยคุณภาพมาบริหารเพิ่มอีกอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนรายได้ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งในอนาคต โดยปัจจุบัน อยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญากับสถาบันการเงินที่เข้ามาเสนอขายหนี้ให้ JMT ทั้งหมด 3 ดีล สนับสนุนให้เป้าหมายการซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารเพิ่มอีกจำนวน 1 หมื่นล้านบาทในปีนี้ได้สำเร็จ ซึ่งน่าจะสามารถซื้อสะสมได้ครบ 3 หมื่นล้านบาท ภายในสิ้นปีตามเป้าหมาย

อย่างไรก็ตาม ผลงานในช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯ มียอดเก็บหนี้เติบโตเกิน 100% จากเป้าหมายที่วางไว้ เป็นการย้ำถึงศักยภาพในการบริหารจัดเก็บหนี้ของบริษัท แม้ผลงานในไตรมาส 3/2556 จะออกมาลดลงเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากก่อนหน้านี้ บริษัทฯ ได้เข้าไปประมูลซื้อหนี้ก้อนใหญ่เข้าพอร์ต และอยู่ระหว่างตัดต้นทุนหนี้ดังกล่าวใกล้เสร็จสิ้นแล้ว จึงอาจส่งผลให้ในแง่ของตัวเลขทางบัญชีในการรับรู้รายได้บริษัทฯ ลดลงบ้าง แต่บริษัทฯ จะเริ่มรับรู้รายได้ในหนี้ก้อนใหญ่ดังกล่าวทั้ง 100% ในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2557 สนับสนุนให้ในปีหน้า JMT จะเติบโต